วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024

โช๊คอัพ H-Drive – โช๊คอัพ ราคาสูงดีมากกว่าแบบราคาทั่ว ๆ ไปไหมโช๊คอัพราคาติด แพงย่อมมีเทคโนโลยี h-drive b spec เเละความสามารถ การทำงานก้าวหน้า เเต่ก็ไม่ได้ดีเสมอ อยู่ที่การใช้แรงงาน ของคุณมากยิ่งกว่า แม้คือการใช้งาน ขับธรรมดาไป ทำงาน ไปส่งลูกไป สถานที่เรียน ใช้โช็คอัพ แบบธรรมดาราคามาตรฐานก็ได้ ไม่จำเป็นจึงต้อง จ่ายเงินแพง

โช๊คอัพแบ่งตามสื่อการทำงานได้ 2 ระบบเป็น

1.โช๊คอัพน้ำมัน ใช้น้ำมันไฮดคอยลิค เป็นตัวดำเนินการ ให้กำเนิดความหนืด เพียงอย่างเดียว ในระหว่าง ที่ปฏิบัติการน้ำมัน ไฮดคอยลิค จะไหลผ่านวาล์วข้างในลูกสูบก็เลย ทำให้เกิดฟองอากาศ ขึ้นข้างใน น้ำมันไฮดรอคอยลิค ฟองอากาศ ของน้ำมันจะก่อให้โช๊คอัพ ปฏิบัติการได้ไม่ดี ซักเท่าไหร่ โดยยิ่งไป กว่านั้นกับรถยนต์ที่จะ ต้องใช้ความเร็วสูง เพราะถ้าฟอง อากาศแตกจะมีผล ให้โช๊คอัพมีการทิ้ง ระยะการทำงาน ในช่วงสั้น ๆ

2.โช๊คอัพแก็ส อาศัยการทำงานร่วม กันระหว่างก๊าซไนโตรเจน รวมทั้งน้ำมันไฮดรอคอยลิค เมื่อโช๊คอัพได้รับ แรงสะเทือนจาก พื้นถนน ลูกสูบของโช๊คอัพจะเลื่อนตัวลงมา ด้านล่างของกระบอก ลูกสูบ ทำให้น้ำมันไฮดคอยลิค ที่ใส่ในกระบอกสูบ ไหลผ่านวาล์ว ขึ้นไปส้วมมัน ข้างบน และจากนั้น ก็น้ำมันอีกส่วนไหลผ่านวาล์ว ด้านล่างเข้า ไปในส้วมมัน สำรอง เวลาเดียวกัน น้ำมันในห้องอาบน้ำ มันสำรอง จะกระทำอัด ก๊าซไนโตรเจน ให้กำเนิดแรงกดดัน เมื่อแก๊ส มีแรงกดดัน ก็จะดันน้ำมันไฮโดรลิค ที่อยู่ในส้วมมันสำรอง กลับไปสู่กระบอก สูบดังที่เคย โดยในขณะเดียวกัน แรงกดดันที่ เกิดขึ้นก็จะทำให้ฟองอากาศกระจายตัว

(SHOCK ABSORBERS) มีหน้าที่โดยพื้นฐานเป็น เป็นตัวควบคุมการยุบตัว และก็การยืดตัวของสปริง (COIL SPRING) แหนบ (LEAF SPRING) และสปริงแบบแท่ง (TORTION BAR) หากว่าไม่มีโช้คอัพรถจะเต้นไม่หยุด โช้คอัพ เป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่มีความจำเป็นชนิดหนึ่งในระบบรองรับของรถยนต์ เพื่อลดแรงชน ที่เกิดจากผิวของถนนที่ไม่เรียบ ซึ่งโดยมีบทบาทฐานรากเป็น เป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่รอควบคุม ลักษณะการทำงานของสปริงหรือแหนบ โดยเมื่อรถยนต์ได้รับแรงชน เพราะเหตุว่าสภาวะถนน โช้คอัพจะเป็นตัวถ่วง

การเคลื่อนที่ขึ้นแล้วหลังจากนั้นก็ลงของตัวรถยนต์เพื่อให้รถยนต์ได้รับแรงกระเทือนน้อยที่สุดและก็ควบคุมล้อให้สัมผัสกับผิวของถนนขณะรถยนต์วิ่งแนวทางการตรวจสอบภาวการณ์ของโช้คอัพนั้น ผู้ใช้รถยนต์สามารถตรวจการได้ดังต่อไปนี้ ให้สังเกตุที่หน้ายางของรถยนต์ ถ้าโช้คอัพอับอายขายขี้หน้ายางจะสึกเป็นพักๆบริเวณให้ใช้มือกดรอบๆด้านบนของบังโคลนทั้งหน้าแล้วหลังจากนั้นก็ข้างหลังหลายๆครั้ง แล้วปล่อยมือบริเวณที่กด ก็จะมีลักษณะยืดและจากนั้นก็หดถ้าหากมีลักษณะอาการเด้งหลายๆครั้ง หมายความว่าโช้คอัพนั้นพังทลายในขณะขับขี่รถผ่านทางที่ขรุขระหรือทางที่เป็นทางลูกระนาด tein รถยนต์จะมีลักษณะโยนตัวเหตุมาจากสปริง หรือแหนบจะยืดและก็หดตัวอย่างเต็มเปี่ยม

จนกระทั่งยางกันกระแทก จะชนกับปีกนกตัวบนอยู่ตลอดเวลา หมายความว่าเวลานี้โช้คอัพอ่อนแรงที่ จะถ่วงการเคลื่อนที่ของสปริงหรือแหนบเพียงพอแล้ว ให้สังเกตุเวลาขับขี่รถจะรู้สึกว่าควบคุมรถยนต์ได้ยากมากมายซึ่งนี่ก็แปลว่า โช้คอัพไม่อาจควบคุมการดีดตัวของสปริง หรือแหนบได้ ล้อจะเต้นจนถึงหน้าสัมผัสของยางลอยจากผิวของถนน อาการเช่นนี้จะเกิดอันตรายอย่างมากในขณะขับขี่รถเข้าทางโค้งด้วยความเร็วสูง จะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวได้ ให้สังเกตุว่าโช้คอัพมีคราบที่เป็นรอยเปื้อนน้ำมันไหลออกมาไหม

หากว่ายังไม่มั่นใจให้ใช้ผ้าขัดแล้วทดลองตรวจดูอีกครั้ง เนื่องจากว่ารอยเปื้อนน้ำมันนี้บางทีอาจจะมาจากสารหล่อลื่น แกนของโช้คอัพก็เป็นไปได้ ถ้าขัดถูแล้วมีรอยเปื้อนน้ำมันอีกก็แปลว่าโช้คอัพเสียให้ถอดโช้คอัพอเพียงอกมาแล้วดึง ทดสอบความหนืดโดยถอดจุดยึดด้านล่างของโช้คอัพออกแล้วออกแรงดึง การสำรวจโช้คอัพลักษณะนี้ ควรตั้งตัวโช้คอัพให้ตั้งฉากกับพื้น แล้วคอยสังเกตุความหนืดของโช้คอัพรถยนต์ นับเป็นข้าวของที่มีค่า และจากนั้นก็เป็นของใช้ที่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นของสุดรักสุดหวงของผู้ที่ครอบครองเลยก็ว่าได้

ด้วยเหตุว่าด้วยราคาที่กว่าจะได้มานั้น ควรต้องคิดบัญชีเก็บทองดำเนินการตัวเป็นเกลียวน้ำตาเกือบจะเล็ดนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เนื้อหานี้เราจะพาเพื่อนพ้องๆไปทำความรู้จักกับโช๊คอัพกัน เพราะว่าโช๊คอัพก็เป็นเยี่ยมในวัสดุอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทำให้ปรับรถยนต์ของคุณยังคงความแข็งแกร่ง อึด ทน ได้ แต่ขอบอกก่อนว่า โช๊คอัพในเนื้อหานี้ไม่ใช่โช๊คอัพปกติ แต่ว่าเป็นโช๊คอัพรถแต่งกันอย่างยิ่งจริงๆสรุปว่าอย่ามัวเสียเวล่ำเวลา พวกเราทำความรู้จักกับโช๊คอัพ รวมทั้งประเภทของโช๊คอัพรถยนต์แบบแต่งกันเลยดีกว่าจำพวกของโช๊คอัพรถยนต์แบบแต่งในบทความนี้ เราจะมา

จะมีพวกใดบ้างรวมถึงแตกต่างไปจากรถยนต์ธรรมดาเช่นไร ซึ่งชนิดของโช๊คอัพรถยนต์แบบแต่งจะแบ่งได้ 3 พวก เป็นจำพวกสตรัทปรับเกลียวโดยประเภทสตรัทปรับเกลียว รอบๆเบ้าสปริงสามารถปรับให้สูง-ต่ำได้ดังที่เจ้าของรถยนต์พึงพอใจ มีสปริงทรงกระบอก เรียกว่า สปริงหลอด ที่ปรับความแข็งแรงหรือเรียกว่า “ค่า K.” ได้ ส่วนขนาดก็มีเยอะให้เลือก ซึ่งจะมองเห็นได้ว่าปรับปรุงแก้ไขมาจากแบบแรกนั่นเองประเภทสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอก

โดยประเภทสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอกสามารถปรับความสูงที่ตัวกระบอกได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งยากปรับที่เบ้าสปริงแล้ว ช่วยขจัดปัญหาหัวข้อการปรับความสูง แต่ว่าการปรับให้สมรรถณะการทำงานโดยรวมออกมาดีดังนี้ถึงแม้ว่าคุณเป็นเยี่ยมในผู้ที่ชอบอกชอบใจรถยนต์

โช๊คอัพ (Shock Up ) เป็นตัวช่วยที่จะทำให้รถยนต์ของคุณลดแรงกระแทก ลดการกระตุกสั่นช่วยทำให้รถยนต์ของคุณเกาะถนน ซึ่งถ้าหากโช๊คอัพมีปัญหา สมถรรนะการขับขี่ของคุณจะคาดความมีประสิทธิภาพไปนั่นเอง รวมทั้งนี่เองก็เลยเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้อง h drive คอยสังเกตุ หมั่นรอดูแลโช๊คอัพให้อยู่ในภาวการณ์ที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอเนื่องจากว่าถ้าเกิดคุณปลดปล่อยปัญหาไว้ โดยที่ไม่ปรับปรุงแก้ไข นอกเหนือจากที่จะทำให้โช๊คยิ่งหมดสภาพแล้วอาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกด้วย ดังเช่น ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ รถยนต์เสียการทรงตัวได้ง่าย อื่นๆ

อีกมากมายธรรมดาแล้วอายุของโช๊คอัพจะอยู่ที่ประมาณ50,000 – 100,000 กม. หรือราว4-5 ปี แม้กระนั้นดังนี้ขึ้นอยู่กับการใช้แรงงานของคนขับขี่ด้วยด้วยเหมือนกันครับผมหรือหากควรต้องเปลี่ยนโช๊คอัพจะเลือกโช๊คอัพแบบไหนดี?จำพวกของโช๊คอัพนั้น ที่มีในท้องตลอดมีอยู่ร่วมกัน 2 ชนิด (ถ้าหากไม่นับแบบยิบย่อย เช่น โช๊คอัพกระบอกคู่ หรือกระบอกโดดเดี่ยว) ซึ่งก็คือ โช๊คระบบน้ำมันแล้วก็โช๊คระบบแก๊สโดยสิ่งที่แตกต่างของโช๊คอีกอีกอีกทั้ง 2 ประเภทนี้ ก็มีความไม่เหมือนกันอยู่พอควร

วิธีดูแลรักษาโช๊คอัพควรทำอย่างไรบ้าง

อุปกรณ์และอะไหล่ทุกอย่างภายในรถยนต์นั้น ย่อมมีอายุการใช้งานที่ถูกจำกัดเอาไว้ โช๊คอัพก็เช่นเดียวกัน ซึ่งโช๊คอัพนั้นมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 100,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่การบำรุงดูแลรักษา รวมไปถึงพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนด้วย ซึ่งเดี๋ยวมาดูกันว่ามีวิธีอย่างไรบ้าง ที่จะทำให้โช๊คอัพนั้นอยู่กับรถเราไปได้นาน ๆ

1. ตรวจสอบโช๊คอัพอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจเช็คนั้นเป็นสิ่งเบื้องต้นที่ควรทำในทุก ๆ ที่ขับขี่ไปที่ไหนก็ตามเป็นระยะทางไกล ๆ หรือเป็นไปได้ควรตรวจเช็คอย่างเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโช๊คอัพในรถยนต์ของเรานั้นยังไม่เสื่อมสภาพ ซึ่งจะทราบได้อย่างไรว่าโช๊คอัพของเรานั้นควรเปลี่ยนได้แล้ว มีวิธีสังเกตุและตรวจสอบได้ ดังนี้

  • ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ด้านหน้า-หลังของตัวรถ

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นวิธีที่เรียกได้ว่า รู้ได้แทบจะทันทีว่าโช๊คอัพของคุณกำลังมีปัญหาอยู่หรือไม่ โดยให้ทิ้งน้ำหนักตัวและกดแล้วปล่อยที่บริเวณด้านหน้า-หลังของรถ หากรถนั้นมีอาการเด้งขึ้น-ลงหลายครั้ง นั่นแสดงให้เห็นว่าโช๊คอัพของคุณนั้นมีปัญหา หรือที่เรียกกันว่า “โช๊คตาย” ให้รีบเปลี่ยนทันที

  • ตรวจดูบริเวณโช๊คอัพ

ให้ลองก้มตัวลงไปดูที่บริเวณของกระบอกของโช๊คอัพดูว่า พบรอยแตก รอยร้าว หรือมีการรั่วของน้ำมันไฮดรอลิคหรือไม่ หากมีปัญหาเหล่านี้ แสดงว่าโช๊คอัพนั้นเริ่มเสื่อมคุณภาพ โดยที่ตัวซีลกระบอกสูบอาจจะรั่ว ส่งผลให้โช๊คอัพนั้นทำงานผิดปกติได้

  • สังเกตุเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วเกินกว่า 80 กม./ชั่วโมง

เมื่อขับรถที่ความเร็วสูงขึ้นมาและขับไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง จะสังเกตุได้เลยว่า ถ้ารถนั้นมีอาการส่าย ๆ สั่น ๆ รู้สึกเหมือนรถไม่ค่ายเกาะถนนเท่าไหร่นักเมื่อต้องขับปะทะกับลม นั่นแสดงว่าโช๊คอัพนั้นเสื่อมสภาพลงแล้ว ให้ทำการเปลี่ยน

  • สังเกตุเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ

วิธีนี้จะคล้าย ๆ กับวิธีแรกเลย คือการสังเกตุอาการเด้งของรถยนต์ที่มีมากเกินจนผิดปกติ ถ้าหากขับผ่านถนนขรุขระแบบที่ชะลอรถแล้วยังมีอาการเด้งอยู่ แสดงว่าโช๊คอัพนั้นเสื่อมสภาพลง

  • สังเกตุที่ดอกของยางรถยนต์

การสังเกตได้ง่ายที่สุดเลยเมื่อขับเสร็จแล้ว ให้ลงมาตรวจสอบที่บริเวณยางรถยนต์ หากลูบแล้วพบว่ายางนั้นสึกหรอ เป็นบั้ง ๆ นั่นแสดงว่ารถยนต์นั้นไม่มีโช๊คอัพมาช่วยรองรับน้ำหนักนั่นเอง

  • ดูความร้อนของตัวโช๊คอัพ

โดยปกติแล้วโช๊คอัพนั้นเมื่อทำงานอยู่ จะมีความร้อนจากการทำงาน แต่หากลองนำมือไปอัง ๆ หรือสัมผัสดูแล้วพบว่า โช๊คอัพ ไม่ร้อนเอาเสียเลย นั่นแสดงว่า โช๊คอัพนั้นไม่ได้มีการทำงาน เป็นอาการบ่งบอกว่าโช๊คอัพเสียได้อย่างดีเยี่ยม

2. ชะลอรถยนต์ทุกครั้งเมื่อขับผ่านเส้นทางที่ถนนขรุขระ

อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่า โช๊คอัพนั้นช่วยในเรื่องของลดแรงกระแทกต่าง ๆ จากพื้นถนน แต่ก็ใช่ว่าคุณจะสามารถขับรถยนต์อย่างไรก็ได้ การขับผ่านเส้นทางที่ขรุขระนั้นควรที่จะชะลอรถแล้วค่อย ๆ ขับผ่านไป จะเป็นการถนอมโช๊คอัพ ไม่ให้ทำงานหนักและรับกระแทกมากเกินไป ช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

3. ไม่บรรทุกของหนักจนเกินไป

การบรรทุกของหนักเกินกว่าที่สเปคของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ส่งผลอย่างมากที่ทำให้โช๊คอัพนั้นต้องทำงานหนักเกินกว่าความสามารถที่ทำได้ ยิ่งถ้าใช้รถยนต์บรรทุกเป็นระยะเวลานาน ยิ่งทำให้โช๊คอัพนั้นเสื่อมสภาพได้อย่างรวจเร็วมากยิ่งขึ้น

 

กลับสู่หน้าหลัก – aseancoffee