วันศุกร์, ธันวาคม 13, 2024

รับทำวีซ่าอเมริกา

รับทำวีซ่าอเมริกา พูดถึงเรื่องการขอวีซ่าอเมริกา (US) หลาย ๆ คนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของประเภทวีซ่าที่ต้องดำเนินการขอ เอกสารที่ต้องเตรียม การลุ้นว่าวีซ่านี้จะผ่านไหม นั้นเพราะว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ถือได้ว่าเป็นประเทศ ที่มีประเภทวีซ่าย่อยค่อนข้างข้างหลากหลาย และจุดประสงค์การเดินทางไปอเมริกาของแต่ละคน มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวอย่างอุทยาน สถานที่ที่ถ้าพูดถึงอเมริกาทุกคนจะนึกถึง เช่น Grand Canyon, Disney World, เทพีเสรีภาพ, สะพาน Golden Gate หรือ โปรแกรมยอดฮิตช่วง Summer  อย่าง Work & Travel และมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง MIT, Harvard และ มหาวิทยาลัยระดับ IVY League อื่น ๆ อีกมากมากมาย รวมไปถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างที่เราคุ้นเคยกัน ทั้ง Apple, Goolgle, Amazon และ Facebook อีกทั้งยังมีหลากหลายสายงานในสหรัฐฯ จริง ๆ แล้วการดำเนินการขอวีซ่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด อาจลองเริ่มต้นจากการดูจุดประสงค์ก่อนว่า อยากไปประเทศนี้เพื่อทำอะไร ขอวีซ่า และเตรียมเอกสารให้ครบตามที่เป็นเงื่อนไข ซึ่งทาง Mesub มีบริการให้คำปรึกษา

  • คุณเดินทางมาจากประเทศไหน
  • ทำไมคุณถึงอยากที่จะมาอเมริกา
  • คุณจะมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานเท่าไหร่
  • สถานการณ์ หรือ ทักษะส่วนตัวของคุณ

       ถ้าอยากเดินทางเพื่อที่จะมาท่องเที่ยว หรือ business trip/seminar ระยะสั้นให้ยื่นสมัครวีซ่าท่องเที่ยว (B-2) แต่หากใครมีการประชุมธุรกิจ หรือ เดินทางมาในลักษณะของ Business trip ให้ยื่นสมัครวีซ่าธุรกิจ (B-1) หรือ ใครเป็นสายการลงทุนอยากเปิดธุรกิจที่ประเทศนี้ ให้ยื่นสมัครวีซ่านักลงทุน (E-2) และสำหรับโปรแกรม Work & Travel หรือ โครงการแลกเปลี่ยนจะต้องยื่นสมัครวีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) ส่วนวีซ่านักเรียนที่จะมาเรียนที่อเมริกาในระยะยาว หรือ เรียนในระดับมหาวิทยาลัยจำเป็นที่ต้องยื่นสมัครวีซ่านักเรียน (F1 / M1) 

 

ขั้นตอนการทำ

วีซ่ากับเรา

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

  • เตรียมเอกสาร
  • นัดสัมภาษณ์
  • ส่งหนังสือเดินทางมายังเรา
  • รอรับผลวีซ่า

ประเภทของวีซ่า | รับทำวีซ่าอเมริกา

      หากแบ่งตามประเภทวีซ่าถือได้ว่ามีความหลากหลายมาก โดยขึ้นอยู่กับทั้งระยะเวลาที่จะไปอยู่ในอเมริกา จุดประสงค์ต่าง ๆ โดยจะมี 3 ประเภทหลักที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ได้แก่

  • วีซ่าท่องเที่ยว (B-2)
  • วีซ่าธุรกิจ (B-1)
  • วีซ่านักเรียน (F-1/M-1)
  • วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1)
  • วีซ่านักลงทุน (E-2)

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

เอกสารที่ต้องเตรียม

  • หนังสือเดินทาง

มีอายุเหลืออย่างน้อยที่สุด 6 เดือน

  • แบบฟอร์ม DS-160
  • ใบนัดสัมภาษณ์
  • ใบเสร็จค่าธรรมเนียม
  • หนังสือเดินทาง
  • ขนาด 2×2 นิ้ว หน้าตรง พื้นหลังสีขาว
    ห้ามใส่แว่นตาและควรเปิดหน้า
  • แบบฟอร์ม DS-160
  • บัตรประชาชน 
  • ทะเบียนบ้าน 
  • ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล 
  • ทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • ใบเกิดและหนังสือยืนยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง
    (ในกรณีที่ผู้สมัครยังเป็นผู้เยาว์)
  • เอกสารการเรียน
    (ในกรณีที่ยังเป็นนักเรียน/นักศึกษา)
  • หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา
    ผลการเรียน
  • เอกสารการทำงาน (ในกรณีที่ทำงานแล้ว)
  • หนังสือรับรองการทำงาน (ออกไม่เกิน 1 เดือน) 
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน (ถ้ามี) 
  • ในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจให้แสดงหนังสือรับรองบริษัทที่คัดมาจาก DBD ไม่เกิน 3 เดือน หรือทะเบียนการค้า
  • แผนการเดินทาง

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

รายละเอียด และค่าใช้จ่ายวีซ่าประเภทต่าง ๆ

  วีซ่าอเมริกา แต่ละประเภทนั้นจะใช้เอกสารหลักที่คล้ายกัน เช่น หนังสือเดินทาง สมุดเดินบัญชี (Bank Statement) ทะเบียนบ้าน จุดประสงค์ของการเดินทางเป็นต้น แต่เนื่องจากวีซ่ามีหลายประเภท และจุดประสงค์แตกต่างกันไป จึงมีการใช้เอกสารย่อย หรือ เอกสารเฉพาะที่แตกต่างกัน ในส่วนนี้จะเป็นการอธิบายรายละเอียดของวีซ่าแต่ละประเภท และเอกสารเบื้องต้น

1. วีซ่าธุรกิจ (B1) และ วีซ่าท่องเที่ยว (B-2)

วีซ่า B-1 และ B-2 สหรัฐอเมริกา (US) เป็นวีซ่าที่มีสิทธิ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันในบางส่วน นั้นก็คือ วีซ่าธุรกิจ (B1) เป็นวีซ่าที่จุดประสงค์คือทางด้านธุรกิจ เช่น เดินทางไปประชุมงาน / Business Trip / Seminar / Exhibition ในขณะที่วีซ่าท่องเที่ยว (B-2) จะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางที่มาท่องเที่ยวที่อเมริกา อีกทั้งยังครอบคลุมในเรื่องของการรักษาทางการแพทย์ (Medical treatment) อีกด้วย

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่าท่องเที่ยว (B-1) วีซ่าท่องเที่ยว (B-2) สามารถทำได้

 

  • ท่องเที่ยว
  • แวะหาญาติ หรือ พบปะเพื่อน
  • ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
  • การรักษาทางการแพทย์
  • ทำธุรกิจระยะสั้น* (เฉพาะวีซ่า B-2)

2. วีซ่านักเรียน (F-1)

     เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาที่อเมริกาเพื่อการเรียนศึกษาต่อโดยเฉพาะซึ่งผู้ที่ไปเรียนนั้นจะได้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งเหมาะกับผู้ที่จะเรียนในการเรียนภาษาระยะยาว รวมไปถึงระดับปริญญาฯ ไม่ว่าจะเป็น ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอกที่อเมริกา

  และวีซ่านักเรียนเป็นวีซ่าที่ถือได้ว่าใช้เอกสารเฉพาะค่อนข้างเยอะ และหลากหลาย ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในยื่นสมัครวีซ่านักเรียน (F1) สามารถแอดไลน์มาปรึกษา และขอคำแนะนำกับทาง Mesub Travel ได้เช่นเดียวกัน

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่านักเรียน (F-1) สามารถทำได้

 

  • มีสิทธิ์เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง (SEVIS-approved)
  • สามารถเข้าเรียนในระดับการศึกษาที่หลากหลาย ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก
  • มีสิทธิ์ทำงานในบริบททางวิชาชีพ (Optional Practical Training, OPT) หลังจบการศึกษาเพื่อได้ประสบการณ์การทำงาน
  • มีสิทธิ์สมัครทำงานในสถานที่ศึกษา (on-campus employment) โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจาก USCIS
  • นักเรียน F-1 ที่จบการศึกษามีสิทธิ์ยื่นคำขอ OPT เพื่อทำงานในสาขาที่เรียนไป
  • นักเรียน F-1 ที่ต้องการทำงานในสถานที่ศึกษาในระหว่างการศึกษาสามารถทำการสมัคร CPT (Curricular Practical Training) ได้
  • มีสิทธิ์ท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ก่อนหรือหลังการเรียน (ทั้งนี้ก็ต่อเมืื่อวีซ่าได้รับอนุมัติแล้ว)
  • มีสิทธิ์อยู่ในสหรัฐตลอดระยะเวลาการศึกษา
  • มีสิทธิ์เข้า และออกของสหรัฐในระหว่างระยะเวลาการศึกษา
  • มีสิทธิ์ยื่นคำขอต่อวีซ่าเพื่อดำรงชีวิตในสหรัฐหลังจบการศึกษา (เช่น วีซ่า H-1B หรือ วีซ่าประเภทอื่น ๆ)

3. วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1)

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวีซ่าได้ที่ได้รับความนิยม เพราะในประเทศไทยมีโครงการแลกเปลี่ยนมากมายทั้งแลกเปลี่ยนในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งอเมริกาก็เป็นประเทศในฝันของหลาย ๆ คนสำหรับการเดินทางไปแลกเปลี่ยน และแน่นอนว่ามีเอกสารที่ต้องเตรียมมากมายทั้งฝั่งนักเรียนเอง และผู้ปกครอง โดยวีซ่าประเภทนี้ก็เหมือนกับวีซ่าประเภทอื่น ๆ ในเรื่องของสิทธิ์ที่บางอย่างทำได้ และไม่สามารถทำได้

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) สามารถทำได้

 

  • สิทธิในด้านการศึกษา: เรียนตามหลักสูตรปกติ เข้าร่วมชมรม เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียน
  • สิทธิในด้านสุขภาพ: เข้าถึงระบบประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน (อาจแตกต่างกันไปตามโครงการแลกเปลี่ยน)
  • สิทธิในด้านการทำงาน: อนุญาตให้ทำงานบางประเภท เช่น งานในมหาวิทยาลัย ร้านค้าในมหาวิทยาลัย
  • สิทธิในด้านการพำนัก: อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ตามระยะเวลาที่วีซ่ากำหนด
  • สิทธิในด้านเสรีภาพ

 

และสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่า (J-1) ไม่สามารถทำได้

 

  • ห้ามทำงานนอกเหนือข้อกำหนด: ทำธุรกิจ รับจ้างอิสระ รับงานนอกมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ห้ามเดินทางออกนอกสหรัฐอเมริกาเกินกำหนดวีซ่า
  • ห้ามเปลี่ยนสถานะวีซ่าโดยไม่ได้รับอนุญาต: หากอยากอยู่ต่อต้องยื่นขอวีซ่าใหม่ชนิดอื่น
  • ห้ามละเมิดกฎหมาย: ขับรถดื่มเหล้า ยาเสพติด ก่ออาชญากรรม
  • ห้ามละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น: การเหยียดผิว ศาสนา ล้วงล้ำความเป็นส่วนตัว

4. วีซ่านักลงทุน (E-2)

วีซ่า E-2, หรือที่เรียกว่า “Investor Visa” เป็นวีซ่าที่ช่วยให้นักลงทุนจากต่างประเทศมีสิทธิ์ในการเข้ามาลงทุน และดำเนินกิจธุรกิจในสหรัฐอเมริกาซึ่งประเทศไทยสามารถสมัครวีซ่านี้ได้ ซึ่งเป็นวีซ่าที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

สำหรับวีซ่านักลงทุน (E-2) จะมีขั้นตอนที่เฉพาะ และใช้เอกสารที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการเตรียมการเป็นพิเศษ

 

  • ต้องมีธุรกิจที่สามารถปฏิบัติงานในสหรัฐอเมริกา
  • นักลงทุนต้องลงทุนเงินในธุรกิจที่มีมูลค่าสมเหตุสมผล
  • การลงทุนต้องเป็นเงินที่มีตัวเลขมีนัยสำคัญและสามารถสร้างงานที่เป็นประโยชน์
  • นักลงทุนต้องเป็นพลเมืองของประเทศที่มีสัญชาติที่มีข้อตกลง E-2 Treaty กับสหรัฐอเมริกา
  • หากเป็นในกรณีที่จัดตั้งบริษัท
    •  สมัคร EIN (Employer Identification Number) จาก Internal Revenue Service (IRS)
  • มีเอกสารรับรองเพื่อให้้มั่นใจว่าทุนในการลงทุนทางธุรกิจเพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการยื่นสมัคร E-2 Visa
ประเภทวีซ่า ค่าธรรมเนียม (USD) ระยะเวลาพำนักสูงสุด
วีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (B1/B2) 185 10 ปี
วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) 160 2 ปี
วีซ่านักเรียน (F-1) 510 1 ปี
วีซ่านักลงทุน (E-2) 460 2 ปี

และนี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับ วีซ่า ต่าง ๆ การเตรียมเอกสารอาจมีความซับซ้อน และ Process ต่าง ๆ  หากคุณกำลังมองหาคนช่วยตรวจเอกสาร  เตรียมการต่าง ๆ สามารถปรึกษาเราได้ที่นี้

 

กลับสู่หน้าหลัก aseancoffee.club

Tags: